วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

10 อาชีพสุดเจ๋งงงง

           

10 อาชีพสุดเจ๋ง ที่จะได้ทำงานใน "สหประชาชาติ(UN)"


 องค์การสหประชาชาติ หรือ United Nations หรือที่เรียกย่อๆ ว่า UN เป็นองค์กรระหว่างประเทศซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความร่วมมือในด้านกฏหมายระหว่างประเทศ ความมั่นคงระหว่างประเทศ กระบวนการทางสังคม การลดปัญหาความยากจน สิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน การอพยพและย้ายถิ่นประชากร การศึกษา และการบรรลุสันติภาพโลก ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 193 ประเทศทั่วโลก โดยตำแหน่งที่เด่นที่สุดของ UN ก็คือ "เลขาธิการสหประชาชาติ" ซึ่งผู้ที่ดำรงตำแหน่งในปัจจุบันคือ "พัน กี มุน" ชาวเกาหลีใต้

นอกจากนี้ UN ยังมีอีกหลากหลายองค์กรภายใต้การดูแล เช่น 

- องค์การอนามัยโลก(WHO) 
- องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UN Educational, Scientific and Cultural Organization - UNESCO) 
- องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (United Nations Children’s Fund - UNICEF)
- ธนาคารโลก (World Bank)
- องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration - IOM)
- สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UN High Commissioner for Refugees -UNHCR)

     ซึ่งทั้งหมดก็คงเป็นที่ทำงานในฝันของใครหลายคนเหมือนกันเนาะ^^ สำหรับประเทศไทย มีสำนักงานผู้ประสานงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อาคารสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก


1. ล่าม (Intrepreter)


เป็นอีกอาชีพในฝันของหลายๆ คนโดยเฉพาะเด็กสายศิลป์ ยิ่งหากได้เป็นล่ามในองค์กรบิ๊กๆ ระดับประเทศหรือระดับโลกแบบนี้ ยิ่งดูดีมากๆ เลยเนาะ ซึ่งภาษาหลักๆ ที่ใช้ใน UN คือภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส หากน้องๆ ได้ 2 ภาษานี้ + ภาษาอื่นอีก 1 ภาษาก็จะเป๊ะมากๆ โดยคนที่เป็นล่ามนั้น ต้องสามารถใช้ทั้งภาษาต้นทางและปลายทางได้ในระดับดีมากค่ะ นอกจากนี้การจะเป็นล่ามใน UN ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านด่านทดสอบข้อสอบการแปลของทาง UN โดยเฉพาะอีกด้วยล่ะ


     หน้าที่งานหลักๆ คือ ต้องเป็นล่ามในการประชุมค่ะ ปกติสัปดาห์นึงก็จะมีการประชุมประมาณ 7-8 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 3 ชั่วโมง ล่ามก็ต้องมีหน้าที่แปลในที่ประชุม หรือหากมีอีเวนท์พิเศษอื่นๆ ก็ต้องไปทำหน้าที่แปลเช่นเดียวกันค่ะ และที่สำคัญ เค้าจะรับเฉพาะคนที่มีประสบการณ์เป็นล่ามจากองค์กรใหญ่ๆ มาก่อน มักไม่ค่อยรับเด็กจบใหม่เท่าไหร่ค่ะ

2. ผู้ตรวจสอบ (Reviser)

     อะไรคือผู้ตรวจสอบ? ตรวจสอบอะไร? งานของตำแหน่ง Reviser นั้นคือต้องดูแลและตรวจทานการแปลของคนที่เป็นล่ามอีกทีค่ะ ดังนั้นคนจะทำงานนี้ได้ต้องเก่งภาษาพอๆ กับล่ามเลย(หรืออาจต้องเก่งกว่าด้วยซ้ำ) นอกจากนั้นต้องทำหน้าที่ร่าง ตรวจท่าน ดูแลการประชุมต่างๆ อีกด้วย

     สำหรับคนจะทำงานตำแหน่งนี้ ต้องมีประสบการณ์การทำงานด้านการแปลมาแล้วอย่างน้อย 5 ปีนะคะ โหดกว่าล่ามอีกนะเนี่ย!

3. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสิทธิมนุษยชน (Human Rights Officer)


 หน้าที่หนึ่งของ UN ก็คือการดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย ซึ่งคนที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิทธิมนุษยชนนั้นมีหน้าที่คิดและเสนอนโยบายต่างๆ เพื่อพัฒนาเรื่องที่เกี่ยวข้อง เช่น สิทธิเรื่องเพศ สิทธิสตรี รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่ต้องมีความร่วมมือกัน จากนั้นพอทำเสร็จแล้ว ก็มีหน้าที่วิเคราะห์และประเมินผลงานของทีมว่าทำออกมาได้ดีหรือไม่ 

      สำหรับคนที่อยากทำงานตำแหน่งนี้ต้องเรียนจบในระดับปริญญาโทด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนเท่านั้นค่ะ จึงจะตรงสายงานเป๊ะๆ

4. เจ้าหน้าที่พิทักษ์ปกป้องเด็ก (Child Protection Officer)


เป็นอีกตำแหน่งงานที่ดูแบบว่า ใช่เลย นี่แหละ UN! กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ปกป้องเด็กที่ต้องดูแลเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องสิทธิมนุษยชน ทั้งเด็กที่ถูกทำร้าย เด็กที่ลี้ภัย เด็กที่ป่วย เด็กที่ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมือง ซึ่งต้องประสานงานกับอีกหลายหน่วยงานโดยเฉพาะยูนิเซฟและ NGO

      สำหรับคุณสมบัติที่ต้องมีคือ ต้องจบปริญญาโททางด้านสังคมศาสตร์ กฎหมายระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ แน่นอนว่าต้องรักเอ็นดูเด็ก ไม่ได้หมายถึงเด็กที่หน้าตาน่ารักนะคะ เพราะเด็กที่เราต้องช่วยเหลือนั้นส่วนมากเป็นเด็กที่ลำบากมากๆ หรือไม่ก็ป่วยทั้งนั้นเลยค่ะ

5. เจ้าหน้าที่สร้างสันติภาพ (Peacebuilding Programme Officer)

      ว้าววว เป็นตำแหน่งที่ฟังดูดีมากๆ เลยค่ะ เหมือนเป็นผู้สร้างความสงบเลยนะเนี่ย ฮ่าๆ แต่จริงๆ แล้วหน้าที่นี้จะเน้นดูแลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของประเทศและของโลก หน้าที่หลักๆ ก็ต้องเตรียมข้อมูลเรื่องสถานการณ์ของโลกที่เกี่ยวข้องกับ "การทูตสิ่งแวดล้อม" เช่น การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้สำหรับการประชุมระดับประเทศหรือระดับนานาชาติ รวมถึงดูแลประสานงานการจัดเทรนหรือให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับการทูตสิ่งแวดล้อม

     สาขาที่ต้องเรียนจบคือ ปริญญาโทในด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ หรือไม่ก็ต้องเรียนจบเศรษฐศาสตร์ขั้นสูงค่ะ รวมถึงต้องมีประสบการณ์การทำงานในด้านการจัดการมาอย่างน้อย 5 ปีด้วย

6. เจ้าหน้าที่ควบคุมยาเสพติด (Drug Control Officer)

 ฟังดูแอบน่าหวาดเสียวและตื่นเต้น เหมือนต้องทำงานเป็นตำรวจยังไงก็ไม่รู้ สำหรับเจ้าหน้าที่ควบคุมยาเสพติดนั้นมีหน้าที่ดูแลและวิเคราะห์เรื่องยาเสพติดทั้งในพื้นที่รวมถึงระดับประเทศ วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ยาเสพติด พัฒนาการของยาเสพติด และกฎหมายเรื่องยาเสพติดที่ออกมา เพราะทั้งหมดนี้เป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกที่มักก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมตามมานั่นเองค่ะ

     ใครที่อยากทำงานด้านนี้ ต้องจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ สถิติ รัฐประศาสนศาสตร์ หรือแม้จบด้านเภสัชศาสตร์หรือเภสัชวิทยาก็สามารถทำงานนี้ได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเคยมีประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การใช้ยาทางจิตเวช การบังคับใช้กฎหมาย หรือด้านอาชญากรรมด้วยค่ะ

7. เจ้าหน้าที่จัดการด้านเศรษฐกิจ (Economic Affairs Officer)

     ตำแหน่งนี้เอาใจคนรักด้านเศรษฐศาสตร์โดยเฉพาะ เพราะต้องคอยดูแล วิจัย และวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย ทั้งเรื่องการค้า การลงทุน การขนส่ง การพัฒนาสินค้า รวมถึงดูด้วยว่ามีการขาดแคลนสินค้าอะไรหรือไม่ ซึ่งส่วนมากจะต้องโฟกัสเรื่องของประเทศที่ยังไม่ค่อยพัฒนามากเท่าไหร่ค่ะ

     แน่นอนค่ะว่าใครจะทำงานนี้ต้องจบปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์เท่านั้น หรืออาจจะจบด้านการค้าระหว่างประเทศก็ได้ (หรือถ้าจบปริญญาเอกมานี่จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษเลยล่ะ) รวมถึงต้องมีประสบการณ์ในการทำงานด้านการลงทุน การวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ หรือเศรษฐศาสตร์ประยุกต์อีกด้วย

8. ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรธรรมชาติ (ป่าไม้) (Natural Resources Expert (Forestry))


อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า UN นั้นดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย ดังนั้นตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรธรรมชาติ (ป่าไม้) มีหน้าที่ดูแลและวิเคราะห์นโยบายเกี่ยวกับป่าไม้ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ เพราะการสูญเสียป่าไม้นั้นส่งผลต่อหลายๆ ทาง ทั้งเกษตรกรรม พลังงาน น้ำ หรืออาจพูดง่ายๆ คือต้องดูแลเรื่องระบบนิเวศในป่าไม้นั่นเองค่ะ 

     ใครอยากทำงานนี้ต้องจบปริญญาโททางด้านวิทยาศาสตร์ป่าไม้ หรือการจัดการป่าไม้ รวมถึงต้องมีประสบการณ์การทำงานด้านป่าไม้ด้วยค่ะ
9. โฆษก (Spokeperson)

หลายคนอยากเรียนนิเทศ แต่ก็สงสัยว่าถ้าเกิดจบนิเทศศาสตร์ จะมีตำแหน่งใน UN ให้เราทำมั้ย? มีแน่นอนค่ะกับตำแหน่ง "โฆษก" ที่จะได้ใช้ความรู้ทางนิเทศศาสตร์เต็มๆ เพราะมีหน้าที่จัดการเกี่ยวกับสื่อต่างๆ เช่น การทำข่าว การสัมภาษณ์ การจัดการประชุม การติดตามข่าวรายวันทั้งในประเทศและต่างประเทศ จัดการกรองข่าวและข่าวลือผิดๆ คิดคำที่ใช้ขึ้นพูดกล่าวในงานต่างๆ

      ใครอยากเป็นโฆษกของ UN ต้องเรียนจบปริญญาโททางด้านนิเทศศาสตร์ การสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ วิทยุโทรทัศน์ หรือใครจบด้านสังคมศาสตร์ การจัดการ หรือบริหารธุรกิจ ก็ถือว่าทำงานนี้ได้เหมือนกันค่ะ



10. ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Adaptation Expert) 

     ฟังดูเป็นตำแหน่งที่หรูดูอัจฉริยะสุดๆ โดยคนที่ทำงานนี้จะมีหน้าที่วิจัยและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยใช้ความรู้ที่ลึกซึ้ง มีความเข้าใจในทฤษฎี คอนเซ็ปต์ เพื่อหาวิธีการปรับตัวของมนุษย์ให้เข้ากับต่อสภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลง หาวิธีการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และประเมินผลกระทบ

     สาขาที่ต้องเรียนจบมาคือ ปริญญาโทด้านสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม หรือเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ รวมถึงต้องเคยมีประสบการณ์การทำงานในเรื่องภูมิอากาศหรือระบบนิเวศมาก่อน


    


     นั่นก็คือ 10 อาชีพน่าสนใจจากองค์การสหประชาชาติค่ะ ใครสนใจอาชีพไหนก็อย่าลืมเลือกเรียนให้ตรงสายด้วยนะคะ จะได้สานฝันให้สำเร็จ ได้ช่วยเหลือประเทศและช่วยเหลือโลกด้วยค่ะ ^___^


วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รอมฏอนที่รัก



รอมฏอนอันประเสริฐ

รอมฎอน ถือศีลอด งดกินดื่ม
จงอย่าลืม วาจา มารยาท

ลดสายตา ลดฟิตนะฮฺ อย่าพลั้งพลาด
เสียงอากาศ ยังดี กว่าเสียงเพลง

อีบาดัต ไร้สาระ ขอให้งด
สิ่งโป้ปด ลดไป อย่าหวั่นเกรง

บริจาค ที่ให้ได้ ให้ครื้นเครง
ให้รีบเร่ง เข้าเวลา นมาซทันที

ขอดุอาอฺ ได้ตอบรับ ในเดือนนี้
สิ่งดีดี เรียนรู้ สู่อิสลาม

ซิกรุลลอฮฺ ทุกเวลา อย่าวางก้าม
อย่ามัวพล่าม อัลกุรอาน อย่าลืมกัน


เครดิต Azmin Mason

หลักการและเหตุผล " Khanom RAYA "


ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตยในการดำเนินชีวิต ความเป็นอยู่ของคนไทยส่วนใหญ่ก็เป็นไปอย่างอิสระเสรี ซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายในด้านต่างๆเช่น ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา และสำเนียงในแต่ละภาค ทำให้ในแต่ละภาค แต่ละพื้นที่ ของประเทศไทยนั้นมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และเนื่องด้วยความเป็นเมืองพุทธ ที่มีประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนั้น ทำให้ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม ที่เป็นส่วนน้อยมีความโดดเด่นขึ้นมาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การแต่งกาย ภาษา วันสำคัญ และอาหารการกิน                                                
ซึ่งถ้าพูดถึงวันสำคัญทางศาสนาอิสลามแล้ว จะมีวันอีดอยู่ด้วยกันเพียง 2 วันเท่านั้น คือ วันอารีราอีดิ้ลฟิตรีและวันฮารีรายาอีดิ้ลอัฎฮา วันทั้งสองนี้ จะเป็นวันที่มุสลิมทั้งหมด จะมารวมตัวที่มัสยิด พบปะญาติพี่น้อง สังสรรค์กันอย่างมีความสุข ถือเป็นวันที่ชาวมุสลิมให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และเมื่อถึงวันนี้สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึง และเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างที่ขาดไมได้ นั่นก็คือ ขนมรายาเป็นขนมที่นำมารับประทานกันขนมรายาที่มีความโดดเด่นทั้งรูปร่างเละรสชาติมีหลายชนิดเช่น ขนมไข่  ขนมดอกจอก ขนมทองพับ(เปด)   ขนมบุหงาบูดะ ขนมเขาควาย และอื่นๆอีกมากมาย

                 ดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงสนใจ และมีความประสงค์ที่จะนำเสนอ รายละเอียดที่เกี่ยวกับขนมรายา ไม่ว่าจะเป็น วีธีทำขนมรายาอย่างละเอียด รูปภาพประกอบในการทำขนมรายา วีดีโอการทำขนม ซึ่งคณะผู้จัดทำจะทำออกมาในรูปแบบของเว็บล็อก เพื่อเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจได้รู้จักขนมรายาอย่างแพร่หลาย และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ได้อย่างเหมาะสม                                                                                                                                                             

ขนมรังต่อ (ดอกจอก)


ขนมรังต่อ น่ากินมาแล้วจ้า


>>> ต่อไปนี้จะเป็นการสอนทำขนมรังต่อ ที่เเสนจะอร่อยที่สุดในสามโลกเจ้าค้าาา <<<

อุปกรณ์ในการทำ...
1.กระทะ
2.กะละมัง
3.ตะแกรง
4.แก้วตวง
5.หม้อ
6.เเม่พิมพ์
7.ถาด
8.ไม้เขี่ย

วัตถุดิบจ้าา...
1.แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
2.ไข่ไก่ 3 ฟอง
3.เกลือเล็กน้อย
4.น้ำปูนใส
5.น้ำตาล 100 กรัม
6.น้ำมัน 1 ขวด

ขั้นตอนสำคัญ คือ การทำขนมรังต่อนั่นเอง
อย่ากระพริบตาเชียวน่ะ!!!!!

1.เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เเล้วลุยกันเลย ><
2.นำแป้งข้าวเจ้า 500 กรัม ใส่ลงในหม้อ 


3.ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย เเล้วตีให้เข้ากัน


4.เทไข่ไก่ลงในเเป้ง  พร้อมกับใส่เกลือเล็กน้อย และน้ำตาล
แล้วใส่น้ำปูนใสเรื่อยๆ จากนั้นค่อยคลุกให้เป็นเนื้อเดียว 
จนเป็นเนื้อเหลวพอที่จะติดพิมพ์


5. กรองเเป้งด้วยตะเเกรง เพื่อทำให้เเป้งเป็นเนื้อละเอียดที่สุด


6.เราก็มาเทน้ำมันใส่กระทะ รอประมาณ 15 นาที ให้กระทะ เเละพิมพ์ร้อน


7.เราก็เริ่มนำพิมพ์ที่ร้อนไปจุ่มในเเป้งที่เตรียมไว้ (ห้ามให้พิมพ์จมแป้งเด็ดขาด)
หลังจากนั้นนำลงกระทะได้เลย รอจนเป็นสีเหลืองทอง เเล้วนำขนมขึ้นโดยการใช้ไม้เขี่ย


8.เราก็จะได้ขนมรังต่อ ที่แสนจะอร่อยเละน่ารับประทานอย่างนี้..


>>>>>>>>>>>> ต่อไปนี้จะเป็น Trick ในการทำขนมรังต่อ <<<<<<<<<<<<
ในการเทน้ำปูนใสลงในแป้ง จะต้องใช้น้ำปูนใส ที่มีสีใสที่สุด(ห้ามให้มีสีขุ่น)
เพราะจะทำให้ขนมแข็ง ไม่น่ารับประทาน อีกอย่างสำคัญมากขั้นตอนการทอดขนม
พยามอย่าให้พิมพ์ร้อนจนเกินไป จะทำให้แป้งติดพิมพ์ ขนมที่ได้ก็จะไม่น่ารับประทานค้าาา

น้ำทีเเพงที่สุดในโลก !!!

เรามาดูกันว่าน้ำดื่มทีเเพงที่สุดในโลกจะหน้าตาเป็นอย่างไร



1.skilde ลิตรละ 567 บาท น้ำดื่มขวดนี้มาจากดินแดนโคนมเดนมากค์ครับ เป็นน้ำแร่ที่เพิ่งค้นพบใหม่ที่ เขตสงวน Messo ซึ่งแน่ละมันสะอาดและบริสุทธิ์มาก วิธีการได้น้ำขวดนี้มาต้องเจาะลงไปใต้ดิน 50 เมตรครับคล้ายน้ำแร่ยี่ห้อหนึ่งของไทย น้ำแร่ชนิดนี้เหมาะที่จะใช่กินร่วมกับสเต็กครับ บรรจุในขวดขนาด 1 ลิตร



2.Fine ลิตรละ 1,312.29 บาทครับ ว่ากันว่าขวดนี้เหมาะสำหรับอาหารประเภท ซูชิ ครับ ลื้อกันว่ารสชาติออกหวามนิดๆ น้ำดื่มขวดนี้สูบมาจากใต้ภูเขาไฟฟูจิ 600 เมตร โดยแหล่งน้ำนี้จะมีบางส่วนเป็นน้ำพุร้อนอีกด้วย เชื่อกันว่าในน้ำขวดนี้อุดมไปด้วยซิลิกา ซึ่งช่วยเรื่องความงามของ ผม เล็บและช่วยร่างกายสร้างคลอลาเจนชลอความแก่ชราด้วย


3.OGO ลิตรละ 1,512 บาทครับ เจ้าขวดกลมขวดนี้ละครับ มันมาจากเนเธอแลนด์ดินแดนแห่งดอกทิวลิป และกัญชาในร้านกาแฟ ที่นี้ยังมีแหล่งน้ำพุ Prise d'eau น้ำดื่มนี้ได้รับการรับรองว่ามีปรอมาณ ออกซิเจนตามธรรมชาติสูงมากกว่าน้ำดื่มทั่วไป ดื่มแล้วให้ความสดซื่นครับ OGO


4.Mahalo Deep Sea Water ลิตรละ 1,764 บาทครับ หลายคนอาจพอรู้แหล่งกำเนิดจากซื่อแล้ว ครับขวดนี้มาจาก ฮาวาย อเมริกา ครับ ความเด่นของน้ำนี้เป็นน้ำจืดจากใต้ทะเล ย้ำนะครับว่าใต้ทะเลไม่ใช่ใต้ดิน น้ำชนิดนี้เกิดจากภูเขาน้ำแข็งที่ละลายตัวลงไปในทะเลครับ แล้วด้วยความหนาแน่นที่ต่างกันมาก น้ำจืดชนิดไม่ปนกับน้ำทะเลแต่นอนก้นอยู่ใต้ทะเลแทน แล้วนั้นละครับที่มาของม?น ซับซ้อนสุดๆ


5.Berg ลิตรละ 1,890 บาทครับผม น้ำขวดนี้มาจากแคนาดาครับ มาจากธารน้ำแข็งโบราณที่กรีนแลนด์แตกตัวครับ แล้วลอยข้ามหมาสมุธมาให้ทางแคนนาดาละลายใส่ขวดครับ ธารน้ำแข็งแห่งนี้อายุถึง 15,000 ปีครับ และต้องไปสกัดตอนยังไม่เกยฝั่งซึ่งยากมากครับ ยังครับ พวกนี้น้ำจิ้มเท่านั้นเมื่อเทียบกับ 2 ขวดสุดท้าย เริ่มจากขวดนี้


6.420 Volcanic มาฟังคุณสมบัติก่อราคาดีกว่าครับ น้ำขวดนี้มาจากนิวซีแลนด์ครับ ดินแดนแห่งธรรมชาติงดงาม ฉากหลังเรื่อง ลอร์ด ออฟ เดอะริง ทั้ง 3 ภาค น้ำขวดนี้มาจากภูเขาไฟ Tai Tapu โดยเป็นน้ำใต้ดินที่ผ่านการกรองจากหินภูเขาไฟ แล้วฝั่งตัวลึกลงไป 200 เมตรครับ ราคาเบาะๆครับ 3,150 บาทต่อลิตร อย่า...................อย่าเพิ่งอ้าปากค้างละ

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เงียบๆหน่อย มีไรจะบอก!

   

เพื่อตัวเราเอง และคนที่เรารัก

เพื่อนๆจ้า ตอนนี้เราอยุ่ม.6 เเล้วน้าา การเตรียมตัวเข้ามหาลัยไม่ได้ง่ายเลย แต่เชื่อว่าทุกคนทำได้

    
เรามีคำคมดีดี มาฝากด้วยน่ะ ^ ^


เราคือเด็ก สิบแปดที่แบกความฝันของคนที่เรารักอยู่น่ะ > <




สุดท้าย คุณชายหมอฝากบอกมา > <